แอ พ Smart Switch
**ใส่ความสูง (Height) และน้ำหนัก (Weight) แล้วกดที่ Calculate** สูตรหาค่า BMI คือ [ดัชนีมวลกาย= น้ำหนักตัว / ความสูง ยกกำลังสอง] น้อยกว่า 16 น้ำหนักน้อยระดับ 3 น้ำหนักน้อยระดับ 2 น้ำหนักน้อยระดับ 1 น้ำหนักปกติ ผู้ชายสมส่วนที่ 22-23 ผู้หญิงสมส่วนที่ 19-20 น้ำหนักเกิน ภาวะน้ำหนักเกิน (Overweight) โรคอ้วนระดับ 1 โรคอ้วนระดับ 2 โรคอ้วนระดับ 3 โรคอ้วน (Obesity) เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, ข้อเข่าเสื่อม, นิ่วในถุงน้ำดี, ตับอักเสบจากไขมันสะสม, เบาหวาน, ฯ Q1: ค่า BMI ถูกสร้างมาเพื่ออะไร? A: BMI เป็นค่าที่กำหนดขึ้นมาใช้ในทางการแพทย์ซึ่งการแปลผลจะมุ่งเน้นที่ความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อดัชนีมวลกายสูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์มากกว่าที่จะใช้เพื่อประเมินรูปร่าง(Body shape)หรือความดึงดูดทางเพศ(Sex appeal or attractiveness)นะค่ะ นั่นคือ ผู้ชายที่ BMI > 18. 5 kg/m2 หลายคนอาจจะมีรูปร่างผอมอยู่ (Skinny or thin body) หรือผู้หญิงที่ BMI > 21 kg/m2 อาจจะอวบๆ ท้วมๆ ดังนั้นถ้าคุณจะใช้ BMI เพื่อดูว่ารูปร่างสมส่วนหรือไม่ ขอแนะนำดังนี้ค่ะ ผู้ชาย: รูปร่างจะดูมีกล้ามเนื้อ ได้สัดส่วน ควรมี BMI 22 – 23 kg/m2 (+/- 0.
5 ค่าดัชนีมวลกายที่น้อยกว่า 18. 5 แสดงว่าคุณมีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป และมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ อาจเสี่ยงกับการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่าย ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีคุณอาจต้องเพิ่มน้ำหนักและออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ค่า BMI 18. 5 – 24. 9 ค่าดัชนีมวลกาย 18. 9 เป็นค่า BMI มาตรฐานที่แสดงว่าคุณมีน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับความสูงของคุณ หรือเรียกว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ จะห่างไกลจากโรคต่างๆ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคน้อย ซึ่งการรักษาน้ำหนักและร่างกายให้แข็งแรงนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ค่า BMI 25 – 29. 9 ค่าดัชนีมวลกาย 25 – 29.
หลังจากที่เราได้นำเสนอค่ากลางๆของน้ำหนักที่เทียบกับส่วนสูงไปแล้ว มีหลายๆคำถามบอกว่าทำไมค่าถึงได้ต่ำนัก คราวนี้เรามาเจาะลงลึกถึงค่าน้ำหนักที่เหมาะกับความสูงฝ่ายชายกันค่ะ ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ค่าที่แสดงในตารางเป็นค่าการประเมิน อาจสามารถคลาดเคลื่อนได้ตาม อายุ และ สรีระได้ ดังนั้นดูเป็นแนวๆนะคะทางที่ดี หมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และวัดสัดส่วนของร่างกายเราควบคู่ไปด้วยจะดีกว่าค่ะ เพราะบางคนน้ำหนักไม่เยอะ แต่กลายเป็นคนลงพุงและมีปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือดสูงก็เป็นได้ Credit:
หน้าหลัก สุขภาพ คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) ดัชนีมวลกาย (BMI) นั้นเป็นการคำนวณอย่างง่ายเพื่อหาว่าร่างกายของเราอยู่ในหมวดหมู่ไหน ป้อนความสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อเริ่มต้นคำนวณหาค่า BMI ผลลัพธ์การคำนวณ BMI จากข้อมูลที่คุณป้อนเข้ามา ความสูง: - เซนติเมตร และน้ำหนัก: - กิโลกรัม ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของคุณคือ - BMI เกณฑ์ของน้ำหนัก ต่ำกว่า 18. 5 น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ 18. 5 — 24. 9 น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ 25. 0 — 29. 9 น้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ มากกว่า 30. 0 น้ำหนักมากเกินไปหรือภาวะเสี่ยงโรคอ้วน จากตารางเกณฑ์ในการวัดน้ำหนักนั้นมีอยู่ 4 เกณฑ์ด้วยกัน ต่อไปมาดูคำอธิบายในแต่ละเกณฑ์ น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ ค่า BMI ต่ำกว่า 18. 5: น้ำหนักของคุณน้อยกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณทานน้อยเกินไป คุณควรทานอาหารให้มากขึ้นและเป็นอาหารที่ประโยชน์และครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายประเภทยกน้ำหนักสามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและนัำหนักของคุณได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำหนักของคุณน้อย ถ้าหากคุณคุณคิดว่าน้ำหนักของคุณลดลงอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุในการรักษาโรคดังกล่าว น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่า BMI 18. 9: น้ำหนักของคุณอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับความสูงของคุณ ทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของคุณเอาไว้ต่อไป น้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ ค่า BMI 25.
5 kg/m2) ผู้หญิง: รูปร่างจะดูมีส่วนเว้าโค้ง ควรมี BMI 19 – 20 kg/m2 (+/- 0. 5 kg/m2) ค่าดัชนีมวลกายเปรียบเหมือนการหาความหนาแน่นของร่างกาย โดยอาศัยหลักการว่าถ้ามีน้ำหนักตัวยิ่งมาก ค่าดัชนีมวลกายจะยิ่งสูงตามไปด้วย ซึ่งในคนอ้วนจะมีปริมาณไขมันสะสมตามร่างกายเกินมาตรฐาน ความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ก็จะมากขึ้นตามไปด้วยในทางการแพทย์ ในทำนองกลับกันในผู้ที่ผอมจะมีปริมาณไขมันและกล้ามเนื้อต่ำกว่ามาตรฐาน ค่าดัชนีมวลกายจึงต่ำกว่าเกณฑ์ปรกติ ในผู้ที่ผอมอาจจะไม่ค่อยมีโรคภัยเบียดเบียน แต่ ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะยังทำงานได้ไม่เท่ากับคนน้ำหนักปกติ และถ้าเจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะฟื้นตัวได้ช้ากว่า เพราะไขมันและกล้ามเนื้อน้อย Q2: ค่า BMI สามารถใช้ประเมินความเสี่ยงของสุขภาพได้หรือไม่?