แอ พ Smart Switch
รถไฟจีนลาว โอกาสทองที่ผู้ประกอบการไทยควรรีบไขว่คว้าจริงหรือ? รถไฟจีน-สปป. ลาว จะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยรถไฟสายนี้เชื่อมคุนหมิงของจีนกับเวียงจันทน์ของ สปป. ลาวเข้าด้วยกัน และอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative (BRI) มีระยะทาง 1, 020 กิโลเมตร (แบ่งเป็นระยะทาง 598 กิโลเมตรในจีน และ 422 กิโลเมตรใน สปป. ลาว) สามารถวิ่งทำความเร็วขนส่งผู้โดยสารได้ถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสำหรับการบรรทุกสินค้าสามารถวิ่งได้ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะเน้นการขนส่งสินค้าเป็นหลัก สะท้อนจากจำนวนขบวนขนส่งสินค้าต่อวันที่สูงกว่าขบวนขนส่งผู้โดยสาร การค้าระหว่างไทยกับจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปยังจีนผ่านทางถนนซึ่งมีสัดส่วนราวร้อยละ 20 ของการส่งออกไปยังจีนทั้งหมด มีการขยายตัวขึ้นอย่างน่าจับตาในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ มิติใหม่ของการขนส่งด้วยรถไฟไปจีนผ่านช่องทาง จ. หนองคาย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าไทยด้วยความสามารถในการช่วยลดระยะเวลา และต้นทุนการขนส่งสินค้าไปยังนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน จึงนับว่ารถไฟที่เกิดขึ้นสายนี้เป็นเสมือนช่องทางขนส่งใหม่อีกทางที่น่าสนใจ นอกจากนี้ รถไฟจีนลาว เส้นทางรถไฟยังบรรจบกับเส้นทางหลักของไทยที่ใช้ขนส่งสินค้าไปยังนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ซึ่งก็คือ เส้นทาง R3A ผ่านทาง จ.
ข้ามไปเนื้อหา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ความรู้สึกต่อต้านไทย เป็นความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์หรือเกลียดชังต่อ ผู้คนจากประเทศไทย ซึ่งเรียกว่า คนไทย หรือต่อ รัฐไทย เหตุการณ์รายประเทศ [ แก้] กัมพูชา [ แก้] ในประเทศกัมพูชา ความเกลียดชังคนไทยเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายสมัย จักรวรรดิเขมร เนื่องจาก กรุงศรีอยุธยา เคยย่ำยีจักรวรรดิเขมรหลายครั้ง ทิ้งรอยแผลลึกไว้ในใจชาวเขมร และ กรุงรัตนโกสินทร์ ยังเคยยึดครองประเทศกัมพูชา ทำให้ชาวกัมพูชารู้สึกต่อต้านคนไทย ความรู้สึกต่อต้านไทยรุนแรงขึ้นเพราะชาวกัมพูชาระแวงว่าไทยมีแผนการยึดภาคตะวันตกของกัมพูชา [1] จนนำไปสู่การประท้วงรุนแรงใน พ. ศ. 2546 ซึ่งมีการเผาสถานทูตไทยและทำลายธุรกิจการค้าของคนไทย หลังจากที่บทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของกัมพูชาระบุว่า สุวนันท์ คงยิ่ง นักแสดงชาวไทย กล่าวว่า นครวัด เป็นของไทย และไทยควรยึดนครวัดคืน [2] [3] เหตุการณ์บานปลายอีกใน พ.
1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ขนาดของเศรษฐกิจไทยในปีเดียวกันอยู่ที่ 504 พันล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป. ลาว ในระยะหลังอยู่ในระดับที่มีการขยายตัวสูงพอสมควร จากตัวเลขของธนาคารแห่งชาติลาวชี้ให้เห็นว่า ในปี 2014 มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 7. 6% ตัวเลขในปีถัดมายังไต่ระดับใกล้เคียงกัน จนเมื่อปี 2018 จึงลดลงมาอยู่ในระดับ 6. 3% ส่วนในปี 2019 คาดการณ์เบื้องต้นว่าอยู่ที่ 6. 7% แต่เมื่อทบทวนแล้วคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับ 6. 4% เท่านั้น วัดทะนา ดาลาลอย กล่าวถึงเหตุผลที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามเป้าว่า "มีหลายเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะอุทกภัยทางธรรมชาติ ปัญหาโรคระบาด ภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบหนักหน่วงพอสมควร ประกอบกับสภาพความผันผวนในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะด้านการเงิน ค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นมาก ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจของ สปป. ลาว พอสมควร" รองผู้ว่าธนาคารแห่งชาติลาวยังกล่าวต่อไปว่า ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่พยุงเศรษฐกิจของ สปป. ลาว อยู่ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมและบริการที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทางด้านเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ สปป.
ลาว ตั้งเป้าเอาไว้คือ อัตราเงินเฟ้อจะต้องน้อยกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในปี 2014 อัตราเงินเฟ้อของ สปป. ลาว อยู่ที่ 4. 1% และลดลงมามากในปี 2017 โดยอยู่ที่ 0. 8% ส่วนในปี 2018 และ 2019 เพิ่มขึ้นมาเป็น 2% และ 2. 5% ตามลำดับ เหตุผลที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อขยับสูงขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก เนื่องจาก สปป. ลาว นำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ จึงส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้น้ำมันเป็นต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้เหตุการณ์น้ำท่วมในปีนี้ที่กระทบถึง 13 แขวงของ สปป. ลาว ทำให้พื้นที่ผลิตข้าว พืช และสัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะในเขตภาคกลางและภาคใต้ เมื่อรวมกับสภาพอากาศที่เกิดภัยแล้ง ทำให้การทำนาไม่เป็นไปตามฤดูกาล ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ คือบวกลบไม่เกิน 5% แต่รองผู้ว่าฯ ยอมรับว่าในปีนี้ สปป. ลาว เจอสภาพที่หนักหน่วงพอสมควร เนื่องจากค่าเงินกีบถือว่าอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท "นี่คือสิ่งท้าทายที่เรากำลังเผชิญกันในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นในช่วงปี 2020-2021 เราก็ต้องพยายามรักษาเสถียรภาพ ไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ" วัดทะนากล่าวย้ำ ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยของ สปป.
เดอะสเตรทส์ไทมส์ 5 อันดับ ได้แก่ ปัญหาการเมือง, ผู้นำด้านสังคมวัฒนธรรม, ประเทศที่มีปัญหาด้านสังคมวัฒนธรรม, ผู้นำด้านเศรษฐกิจ, และประเทศที่มีแนวทางในการจัดการปัญหาการเมือง จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นว่า ทิศทางการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับไทยบนนสพ. ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางลบ การนำเสนอเนื้อหาลักษณะนี้สามารถส่งผลต่อทัศนคติด้านลบต่อเนื้อหาด้านการเมืองของไทย และทัศนคติด้านบวกต่อเนื้อหาด้านสังคมวัฒนธรรม ของผู้ที่ติดตามข่าวสารบนนสพ. เล่มนี้ "ช่วงเวลาที่ศึกษาเนื้อหาบน เดอะสเตรทส์ไทมส์ เป็นช่วงที่บ้านเรากำลังมีปัญหาด้านการเมืองภายในประเทศ อาจเป็นไปได้ว่าประเด็นดังกล่าวชาวโลกกำลังจับตามอง จึงเป็นไปได้ว่าประเด็นทางการเมืองจึงกลายเป็นประเด็นข่าวสำคัญที่พบได้บ่อย เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ซึ่งหากมีการศึกษาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันก็จะสามารถมองเห็นมุมมองของสิงค์โปร์ที่มีต่อประเทศไทยเด่นชัดกว่านี้" อ. เกศราพร ระบุ _______________________________________________________________________________________________________ โดย สุดทีวัล สุขใส